เกี่ยวกับฉัน

รูปภาพของฉัน
วิชาหลักสูตร โดยผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.พิจิตรา ธงพานิชย์ นางสาวประริดา โคราช นักศึกษาสาขาวิชาภาษาไทย คณะครุศาสตร์ มหาวิทยาลัยนครพนม

วันอาทิตย์ที่ 18 พฤศจิกายน พ.ศ. 2561



วิชาหลักสูตร
ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.พิจิตรา ธงพานิช



โดย
นางสาวประริดา โคราช
นักศึกษาสาขาวิชภาษาไทย
คณะครุศาสตร์  มหาวิทยาลัยนครพนม

วันพฤหัสบดีที่ 15 พฤศจิกายน พ.ศ. 2561

กิจกรรมท้ายบทที่ 11 ข้อ 1


1. ข้อมูลพื้นฐานในการพัฒนาหลักสูตรเกี่ยวข้องกับปัญหาและแนวโน้มของหลักสูตรได้หรือไม้อย่างไร ข้อมูลพื้นฐานด้านใดที่เป็นปัญหาและแนวโน้มที่มีผลต่อหลักสูตรมากที่สุด

        การพัฒนาหลักสูตรจำเป็นต้องศึกษา วิเคราะห์ สำรวจ วิจัย สภาพพื้นฐานด้านต่างๆ เพื่อให้ได้ข้อมูลอย่างเพียงพอที่จะใช้สนับสนุน อ้างอิงในการตัดสินใจดำเนินการต่างๆ เพื่อให้ได้หลักสูตรที่ดี สามารถพัฒนาให้ผู้เรียนมีความรู้ความสามารถ และทัศนคติที่นำไปใช้ให้เป็นประโยชน์ต่อตนเองและสังคมได้ เมื่อพื้นฐานในการพัฒนาหลักสูตรมีปัญหา อาจส่งผลให้เกิดปัญหาของการพัฒนาหลักสูตรซึ่งมีดังนี้
1. หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาหลักสูตร  ไม่เข้าใจบทบาทหน้าที่ของตน
2. ขาดการประสานงานหน้าที่ดีระหว่างหน่วยงานต่างๆที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาหลักสูตร
3. ผู้บริหารระดับต่างๆ เห็นว่าหลักสูตรเป็นหน้าที่ของหน่วยงานที่รับผิดชอบโดยเฉพาะ
4. ปัญหาการไม่เปลี่ยนแปลงการเรียนการสอนของครูตามแนวทางของหลักสูตร
5. ปัญหาการเผยแพร่หลักสูตร การสื่อสารทำความเข้าใจในหลักสูตรที่พัฒนาขึ้นใหม่
ข้อมูลพื้นฐานการพัฒนาหลักสูตรด้านสังคมและวัฒนธรรม อันประกอบไปด้วย โครงสร้างทางสังคม ค่านิยมในสังคม ธรรมชาติของคนไทยในสังคม การชี้นำสังคมในอนาคต ลักษณะสังคมตามความคาดหวัง และศาสนาและวัฒนธรรมในสังคม เป็นปัญหาและแนวโน้มที่มีผลต่อหลักสูตรมากที่สุด

กิจกรรมท้ายบทที่ 11 ข้อ 2


2. ข้อมูลที่ได้จากการวิจัย และประเมินหลักสูตรเป็นตัวชี้นำ หรือเป็นปัจจัยสำคัญที่มีอิทธิพลต่อการเปลี่ยนแปลงหลักสูตรในอนาคต ได้หรือไม่ มากน้อยเพียงใด

        ข้อมูลที่ได้จากการวิจัย และประเมินหลักสูตรเป็นตัวชี้นำ หรือเป็นปัจจัยสำคัญมีอิทธิพลต่อการเปลี่ยนแปลงหลักสูตรในอนาคต และเมื่อกล่าวถึงแนวโน้มของการพัฒนาหลักสูตร มีประเด็นสำคัญเกี่ยวข้อง 2 ประเด็นคือ ข้อมูลที่นำมาเป็นพื้นฐานในการพัฒนาหลักสูตร กับการวิจัยทางการศึกษา โดยจะพบว่า ในระยะเวลาประมาณ 10 ปี และจากการศึกษางานวิจัยที่เกี่ยวข้องสรุปได้ดังนี้
รายงานการศึกษาวิจัยในช่วงทศวรรษ 1940 และ 1950 มุ่งศึกษา ตัวแปรทำนาย จากคุณสมบัติของครู มีความเชื่อว่าครูที่มีคุณสมบัติมีแนวโน้มที่จะสอนได้อย่างมีประสิทธิภาพ ดังนี้ 1) เสียง รูปร่างหน้าตา 2) ความมั่นคงทางอารมณ์ 3) ความน่าเชื่อถือ 4) ความอบอุ่น และ 5) ความกระตือรือร้น
ต่อมาผลการศึกษาวิจัยความมีประสิทธิภาพของครู ในช่วงทศวรรษ 1960 และ 1970 ได้ข้อสรุปและเสนอแนะในการพัฒนาวิชาชีพด้วย การนิเทศแบบคลินิก (Clinical Supervision) เทคนิควิธีการสังเกตการสอนชั้นเรียน เป็นต้น

ต่อมาในทศวรรษ 1980 เมเดอลีน ฮันเตอร์ (Madeline Hunter) และคณะมหาวิทยาลัยยูซีแอลเอใช้หลักทฤษฎีเป็นฐาน (Theory-based) ในการเรียนการสอน สรุปได้ดังนี้ 1) การสอนมีรากฐานมาจากทฤษฎีการเรียนรู้แบบพฤติกรรมนิยม 2) การอนุมานจากแนวคิดในด้านการเรียนรู้ เช่น แรงจูงใจ (Motivation) ความทรงจำ (Retention) การถ่ายโอนความรู้ (Transfer) เป็นต้น
และผลการศึกษาวิจัยในช่วงทศวรรษ 1980 และ 1990  การเปลี่ยนแปลงทัศนะการเรียนรู้แบบพฤติกรรมนิยม (Behaviorist) เป็นการเรียนรู้ด้วยปัญญา (Cognitive Learning Theory) สถานศึกษาใดที่มุ่งมั่นพัฒนาในด้านการประเมินที่มีประสิทธิภาพและการพัฒนาวิชาชีพการสอนจึงต้องเริ่มด้วยการกำหนดมาตรฐานการสอนซึ่งสะท้อนสิ่งที่ครูควรรู้ ในประเทศไทยหน่วยงานหรือองค์กรวิชาชีพครูที่เรียกว่า คุรุสภาได้เสนอกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับผู้บริหาร ครู และบุคลากรทางการศึกษา เพื่อให้มีความรู้สมรรถนะความสามารถในการจัดการศึกษาได้อย่างมีคุณภาพ
ดังนั้นแนวโน้มของการพัฒนาหลักสูตรอาจพิจารณาได้จากผลการศึกษาวิจัย และข้อมูลพื้นฐานด้านต่าง  ๆ ที่นำมาใช้การพัฒนาหลักสูตร

กิจกรรมท้ายบทที่ 10 ข้อ 2


2. การประเมินหลักสูตรก่อนนำไปใช้มีจุดประสงค์สำคัญคืออะไร

การประเมินผลหลักสูตรมีจุดมุ่งหมายดังนี้เพื่อหาคุณค่าของหลักสูตรนั้นโดยดูว่าหลักสูตรที่จัดทำขึ้นนั้นสามารถสนองวัตถุประสงค์ที่ต้องการหรือไม่หลักสูตรนั้นต้องการหรือไม่สนองความต้องการของผู้เรียนและสังคมอย่างไรเพื่ออธิบายและพิจารณาว่าลักษณะของส่วนประกอบต่างๆ ของหลักสูตรในแง่ต่างๆ เช่นหลักการจุดมุ่งหมายเนื้อหาสาระการเรียนรู้กิจกรรมการเรียนการสอนสื่อการเรียนการสอนและการวัดผลว่าสอดคล้องต้องกันหรือไม่หรือสนองความต้องการหรือไม่เพื่อตัดสินว่าหลักสูตรมีคุณภาพดีหรือไม่เหมาะสมหรือไม่เหมาะสมกับการนำไปใช้มีข้อบกพร่องที่จะต้องปรับปรุงแก้ไขอะไรบ้าง
จุดมุ่งหมายของการประเมินหลักสูตร
1.เพื่อหาคุณค่าของหลักสูตรนั้น โดยดูว่าหลักสูตรที่จัดทำขึ้นนั้นสามารถสนองวัตถุประสงค์ที่หลักสุตรนั้นต้องการหรือไม่ สนองความต้องการของผู้เรียน และสังคมอย่างไร
2. เพื่ออธิบายและพิจารณาว่าลักษณะของส่วนประกอบต่างๆ ของหลักสูตรในแง่ต่างๆ เช่น หลักการ จุดมุ่งหมาย เนื้อหาสาระ การเรียนรู้  กิจกรรมการเรียนการสอน สื่อการเรียน การสอนและวัดผลว่าสอดคล้องต้องการหรือไม่
3. เพื่อตัดสินว่าหลักสุตรมีคุณภาพดีหรือไม่ เหมาะหรือไม่เหมาะสมกับการนำไปใช้ มีข้อบกพร่องในการที่จะต้องปรับปรุงแก้ไขอะไรบ้าง การประเมินผลในลักษณะนี้มักจะดำเนินไปในช่วงที่การพัฒนาหลักสุตรยังคงดำเนินการอยู่ เพื่อที่จะพิจารณาว่าองค์ประกอบต่างๆของหลักสูตรมีคุณภาพอย่างไร
4. เพื่อตัดสินว่า การบริหารงานด้านวิชาการและบริหารงานด้านหลักสูตรเป็นไปในทางที่ถูกต้องหรือไม่ เพื่อหาทางแก้ไขระบบการบริหารหลักสูตร การนำหลักสูตรนำไปใช้ใหมีประสิทธิภาพ
5. เพื่อหาทางปรับปรุงแก้ไขสิ่งบกพร่องที่พบในองคประกอบต่างๆ ในหลักสูตร
 การประเมินจะเป็นตัวชี้ให้เห็นคุณภาพการศึกษาของสังคมซึ่งจะมีผลกระทบต่อคุณภาพของประชากรในการพัฒนาสังคมในอนาคตต่อไป

กิจกรรมท้ายบทที่ 10 ข้อ 1


1. การประเมินหลักสูตรมีความจำเป็นหรือไม่อย่างไร

การประเมินหลักสูตรนั้นมีความจำเป็นอย่างยิ่ง เพราะหลักสูตรเป็นเครื่องมือที่สำคัญในการจัดการศึกษา เพราะเป็นการขยายแนวคิดในการจัดการศึกษาหรือปรัชญาการศึกษาไปสู่การปฏิบัติ ดังนั้นหากสามารถสร้างหลักสูตรที่ดีได้ย่อมจะทำให้การจัดการศึกษาบรรลุตามจุดประสงค์ที่วางไว้ การที่จะทราบได้ว่าหลักสูตรที่สร้างขึ้นไว้นั้นเหมาะสมหรือไม่เพียงใดนั้น จึงจำเป็นต้องมีการประเมินผล การประเมินหลักสูตรมีความสำคัญอย่างมากในกระบวนการจัดการศึกษา เป็นเครื่องมือที่จำเป็นสำหรับการควบคุมคุณภาพ  การประกันคุณภาพของการศึกษาหลาย ๆ ระดับ  ตั้งแต่ระดับห้องเรียน  ระดับโรงเรียน  ระดับเขตจนถึงระดับชาติ  ผู้ที่มีบทบาทในการประเมินทั้งในระดับผู้จัดทำนโยบายการศึกษา  ผู้กำกับดูแล  จนถึงระดับผู้ปฏิบัติ  จึงควรทำความเข้าใจกับประเด็นต่าง ๆ ที่เป็นองค์ประกอบสำคัญของการประเมินหลักสูตรให้ชัดเจน  เพื่อจะได้กำหนดวางแผนการประเมินหลักสูตรที่สอดคล้องกับเป้าหมายของการประเมิน และสามารถนำผลการประเมินหลักสูตรไปใช้ได้จริงดังนั้น การประเมินผลหลักสูตรจึงเป็นขั้นตอนที่ขาดไม่ได้ในกระบวนการพัฒนาหลักสูตร และเนื่องจากหลักสูตรนั้นต้องมีการเปลี่ยนแปลงไปตามยุคสมัย ไม่สามารถกำหนดไว้ตายตัวได้ การพัฒนาหลักสูตรจึงเป็นกระบวนการที่ต่อเนื่องกันไปตั้งแต่การสร้างหลักสูตรจนถึงการนำไปใช้ในโรงเรียน
                โรงเรียนใดที่มีการประเมินหลักสูตรก็จะมีการพัฒนาทางวิชาการต่างๆได้ดีขึ้นตามโดยเฉพาะอย่างยิ่งในทางด้านวิชาการและผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนจะสูงขึ้นทุกๆ ปีอย่างต่อเนื่อง

กิจกรรมท้ายบทที่ 9 ข้อ 2


2. บุคคลสำคัญที่จะช่วยให้การนำเอาหลักสูตรไปใช้ประสบความสำเร็จคือใครบ้าง

        ผู้ที่เกี่ยวข้องกับการนำหลักสูตรไปใช้
              จากขั้นตอนของการนำหลักสูตรไปใช้  จะเห็นได้ว่าการนำหลักสูตรไปใช้เป็นกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับหน่วยงานหรือบุคคลหลายฝ่ายหลายระดับซึ่งจะต้องประสานงานหรือร่วมมือกันในอันที่จะนำหลักสูตรไปให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด ซึ่งแต่ละหน่วยงาน แต่ละฝ่ายแต่ละระดับมีส่วนในการนำหลักสูตรไปใช้ที่แตกต่างกันไป ในที่นี้จะกล่าวถึงบทบาทของหน่วยงานต่างๆ ในการนำหลักสูตรไปใช้ และบทบาทของบุคคลที่เกี่ยวข้องกับการนำหลักสูตรไปใช้ดังนี้
              6.บทบาทของหน่วยงานส่วนกลางและหน่วยงานส่วนท้องถิ่นในการนำหลักสูตรไปใช้
              หน่วยงานส่วนกลาง หมายถึง หน่วยงานหรือคณะบุคคลที่ทำหน้าที่พัฒนาหลักสูตรเพื่อให้หน่วยงานท้องถิ่นเป็นผู้ใช้ หน่วยงานส่วนกลางมีหน้าที่เกี่ยวข้องกับการนำหลักสูตรไปใช้ 2 ลักษณะคือ การบริหาร การบริการหลักสูตรการสนับสนุนและส่งเสริมการใช้หลักสูตรที่อยู่ในความรับผิดชอบของตนเอง
              หน่วยงานส่วนท้องถิ่น หมายถึงหน่วยงานหรือผู้ที่ทำหน้าที่เกี่ยวข้องกับการนำหลักสูตรไปสู่การเรียนการสอน ซึ่งได้แก่โรงเรียนหรือสถานศึกษาต่างๆ ที่เป็นผู้ใช้หลักสูตรซึ่งสร้างโดยส่วนกลาง งานที่โรงเรียนหรือสถานศึกษาจะต้องรับผิดชอบในการใช้หลักสูตรก็คืองานบริหารงานบริการหลักสูตร การสนับสนุนและส่งเสริมการใช้หลักสูตร
              หน่วยงานทั้ง 2 ได้แบ่งลักษณะของการนำหลักสูตรไปใช้ดังนี้
              1. หน่วยงานส่วนกลางมีบทบาทอย่างเต็มที่
              2. โรงเรียนเป็นผู้มีบทบาทอย่างเต็มที่
              3. หน่วยงานส่วนกลางมีบทบาทส่วนใหญ่โดยได้รับความช่วยเหลือจากส่วนท้องถิ่น
              4. หน่วยงานส่วนท้องถิ่นมีบทบาทส่วนใหญ่โดยได้รับการสนับสนุนจากส่วนกลาง
              (จากรายงานการประชุมวิชาการเกี่ยวกับการใช้หลักสูตรของประเทศในภูมิภาคเอเชีย
(APEDI, 1977))
              1. การใช้หลักสูตรโดยหน่วยงานส่วนกลางมีบทบาทอย่างเต็มที่ การใช้หลักสูตรในรูปนี้หน่วยงานส่วนกลางและส่วนท้องถิ่นจะมีบทบาทที่สำคัญดังนี้คือ
              บทบาทของหน่วยงานส่วนกลาง
              1. กำหนดเป้าหมายและจุดมุ่งหมายของหลักสูตร
              2. เตรียมโปรแกรมและหลักสูตรชนิดต่างๆ
              3. ดำเนินการวิเคราะห์และผลของการใช้หลักสูตร
              4. พิจารณาอนุญาตให้มีการเปลี่ยนแปลงโปรแกรมการเรียนการสอน
              5. ดำเนินการวัดและดำเนินผลการปฏิบัติงานการใช้หลักสูตรของหน่วยงานระดับท้องถิ่น
              บทบาทหน่วยงานส่วนท้องถิ่น
              ทำหน้าที่ให้ช่วยเหลือหน่วยงานส่วนกลางในเรื่องการติดตามผลการใช้หลักสูตร
              2. การใช้หลักสูตรโดยให้โรงเรียนมีบทบาทอย่างเต็มที่ การใช้หลักสูตรแบบนี้หน่วยงานแต่ละระดับจะมีบทบาทที่สำคัญ
              บทบาทของหน่วยงานส่วนกลาง
              หน่วยงานส่วนกลาง ไม่มีบทบาทในการใช้หลักสูตรของหน่วยงานในระดับท้องถิ่นแต่อย่างใด
              บทบาทของหน่วยงานของท้องถิ่น
              1. กำหนดจุดมุ่งหมายของหลักสูตร
              2. พัฒนาโปรแกรมการเรียนการสอนและสร้างผู้นำทางวิชาการ
              3. วิเคราะห์และติดตามผลการใช้หลักสูตร
              4. ดำเนินการปรับปรุง เปลี่ยนแปลงโปรแกรมการเรียนการสอน
              3.  การใช้หลักสูตรโดยให้หน่วยงานส่วนกลางมีบทบาทเป็นส่วนใหญ่และมีหน่วยงานท้องถิ่นเป็นผู้ให้ความช่วยเหลือการใช้หลักสูตรระบบนี้หน่วยงานในระดับผู้พัฒนาหลักสูตรและหน่วยงานท้องถิ่นจะมีบทบาทดังนี้
              บทบาทของหน่วยงานส่วนกลาง
              1. กำหนดเป้าหมายและจุดมุ่งหมายของหลักสูตร
              2. จัดโปรแกรมและวัสดุต่างๆ
              3. ดำเนินการวิเคราะห์และติดตามผล
              4. จัดหาผู้นำทางด้านความคิดมาช่วยในการใช้หลักสูตร
              5. สร้างบรรยากาศสนับสนุนการใช้วัตกรรมต่างๆ
              6. เปิดโอกาสให้มีการแลกเปลี่ยนประสบการณ์ซึ่งกันและกัน
              7. เผยแพร่ข่าวสารและแหล่งข้อมูลต่างๆ
              4.  ใช้หลักสูตรโดยให้หน่วยงานท้องถิ่นมีบทบาทสำคัญและหน่วยงานส่วนกลางเป็นผู้ให้การสนับสนุน การใช้หลักสูตรในรูปแบบนี้หน่วยงานส่วนกลางและส่วนท้องถิ่นจะมีบทบาทแตกต่างกันดังนี้ คือ
              บทบาทของหน่วยงานส่วนกลาง
              1. กำหนดเป้าหมายของหลักสูตรและช่วยเหลือให้มีการเชื่อมโยงระหว่างหน่วยการศึกษาหน่วยต่างๆ
              2. ทำหน้าที่กระตุ้นให้หน่วยงานในระดับท้องถิ่นได้ปฏิบัติงานอย่างมีประสิทธิภาพ
              3. สร้างบรรยากาศให้เกิดการสนับสนุนหน่วยงานท้องถิ่น
              4. ให้ความช่วยเหลือในด้านการเงินหรือวัสดุ
              5. เปิดโอกาสให้มีการแลกเปลี่ยนประสบการณ์ซึ่งกันและกัน
              บทบาทของหน่วยงานส่วนท้องถิ่น
              1. ทำหน้าที่กำหนดจุดหมายของหลักสูตร
              2. พัฒนาวัสดุหลักสูตรเพื่อใช้โปรแกรมการเรียนการสอน
              3. สร้างผู้นำทางวิชาการ
              4. ดำเนินการวิเคราะห์และติดตามผลการใช้หลักสูตร
              5. สร้างวิธีต่างๆ เพื่อให้เกิดการปรับปรุงโปรแกรมการเรียนการสอน
              6. แสวงหาแนวทางและเสนอประสบการณ์เกี่ยวกับการมีส่วนร่วมในการพัฒนาโปรแกรมการเรียนการสอนสำหรบท้องถิ่น
              6.2 บทบาทของบุคลากรในการนำหลักสูตรไปใช้
              กล่าวมาข้างต้นนั้นเป็นการพิจารนาถึงบทบาทของหน่วยงานส่วนกลางซึ่งเป็นผู้พัฒนาหลักสูตรกับหน่วยงานส่วนท้องถิ่นซึ่งเป็นหน่วยงานผู้ใช้หลักสูตรว่า หน่วยงานทั้งสองแห่งมีบทบาทในการพัฒนาและการใช้หลักสูตรแตกต่างกันอย่างไรในแต่ละรูปแบบ สำหรับหัวข้อนี้จะพิจารณาถึงบทบาทบุคคลต่างๆ ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการใช้หลักสูตรว่า บุคคลในตำแหน่งหน้าที่นั้นๆ ควรจะมีบทบาทในการใช้หลักสูตรในลักษณะใดดังต่อไปนี้
                   1. ช่วยพัฒนาครูให้มีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการใช้หลักสูตร และดำเนินการเรียนการสอนตามเจตนารมณ์ของหลักสูตร
                   2. ทำการนิเทศและติดตามผลการใช้หลักสูตรในหน่วยงานที่ใช้หลักสูตร
                   3. ให้การสนับสนุนและส่งเสริมการดำเนินการใช้หลักสูตรโดยการให้บริการวัสดุหลักสูตร และให้กำลังใจแก่ผู้นำหลักสูตรไปใช้
              1.  ผู้บริหารโรงเรียน ควรมีบทบาทในการส่งเสริมและสนับสนุนการใช้หลักสูตร
              2.  หัวหน้าหมวดวิชาหรือหัวหน้าสาขาวิชา ควรจะดำเนินการส่งเสริมการใช้หลักสูตร
              3.  ครูผู้สอน ในฐานะเป็นผู้ใช้หลักสูตรโดยตรงมีส่วนที่จะช่วยสนับสนุนให้การใช้หลักสูตรภายในโรงเรียนมีประสิทธิภาพ


บทความที่ได้รับความนิยม

โพสต์แนะนำ

บทที่ 3 ประเภทของหลักสูตร